หน่วยการเรียนรู้ที่2
หลักการ แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับนวัตกรรม เทคโนโลยี และสารสนเทศ
หลักการ แนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับนวัตกรรม เทคโนโลยี และสารสนเทศ
นวัตกรรมคือ การเปลี่ยนแปลงหรือดัดแปลงสิ่งใหม่ๆ ที่เข้ามา อาจเป็นแนวความคิดหรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆที่มาจากของเดิมที่มีอยู่ นำมาใช้ในรูปแบบใหม่ที่ทำให้เกิดคุณค่า และมูลค่ามาก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและสังคม จนทำให้เกิดความ
สะดวกสบายในการดำรงชีวิต ซึ่งในปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในสังคมอยู่ตลอดเวลา จึงมีความจำเป็นที่คนเราต้องคิดสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆขึ้นมาเพื่อตอบสนองความเปลี่ยนแปลงนั้นๆ
เทคโนโลยีคือ
สิ่งที่มนุษย์พัฒนาขึ้นมาเพื่อนำมาการประยุกต์
เอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้และก่อให้เกิดประโยชน์ในทางปฏิบัติ
เพื่อช่วยในการทำงานหรือแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร
วัสดุ เป็นต้น แก่มวลมนุษย์ทั้งในแง่ความเป็นอยู่ และการควบคุมสิ่งแวดล้อม
เพื่อตอบสนองเป้าหมายเฉพาะความต้องการของมนุษย์ด้วยการนำทรัพยากรต่างๆ
มาใช้ในการผลิตและจำหน่ายให้ต่อเนื่องตลอดทั้งกระบวนการ
สารสนเทศคือ ข้อมูลที่ได้ผ่านการประมวลผลหรือจัดระบบแล้ว
เพื่อให้มีความหมายและคุณค่าสำหรับผู้ใช้
โดยมีอุปกรณ์หรือเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการรวบรวมประมวล เก็บรักษา
และเผยแพร่ข้อมูลและสารสนเทศโดยรวมทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ฐานข้อมูล
และการสื่อสาร โทรคมนาคม
หรือข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงและจัดกระทำเพื่อผลของการเพิ่มความรู้
ความเข้าใจของผู้ใช้จะเป็นการรวบรวมข้อมูลหลายๆอย่างที่เกี่ยวข้องกันเพื่อจุดมุ่งหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง
นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศคือ หลักการจูงใจ สื่อเทคโนโลยีทางการศึกษาจะมีพลังจูงใจที่สำคัญในกิจกรรมการเรียนการสอน
เพราะเป็นสิ่งที่สามารถผลักดัน
ส่งเสริมและเพิ่มพูนกระบวนการจูงใจที่มีอิทธิพลต่อพลังความสนใจ ความต้องการ ความปรารถนา
และความคาดหวังของผู้เรียนที่จะศึกษา มีวัสดุการเรียนการสอนจะช่วยส่งเสริมความ คิด
ความเข้าใจแก่ผู้เรียนแต่ละคน
ดังนั้นการเลือก การผลิตและการใช้วัสดุการเรียนการสอน
ควรจะต้องสัมพันธ์กับความสามารถของผู้สอนและผู้เรียน
ความสำคัญของนวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ
ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำชีวิตเป็นอันมาก
เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี
เทคโนโลยีทำให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน
สามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น
เทคโนโลยีทำให้ระบบการผลิตสามารถผลิตสินค้าได้เป็นจำนวนมากมีราคาถูกลง
สินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทำให้มีการติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก
การเดินทางเชื่อมโยงถึงกันทำให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสารกันได้ตลอดเวลา
นวัตกรรมและเทคโนโลยีมีขอบข่ายครอบคลุม
7
ด้าน ได้แก่
1.นวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการจัดและออกแบบระบบ
2.นวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านวิธีการทางการศึกษา
3.นวัตกรรมและเทคโนโลยีด้นพฤติกรรมการศึกษา
4.นวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านสารสนเทศและสื่อการศึกษา
5.นวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการจัดการศึกษา
6. นวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการจัดสภาพแวดล้อมทางการศึกษา
7.นวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการประเมินทางการศึกษา
นวัตกรรมและเทคโนโลยีการศึกษา
เป็นปัจจัยสำคัญอย่ายิ่งที่จะทำให้เกิดการพัฒนาก้าวหน้าไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
เพราะนวัตกรรมเป็นเรื่องของการคิดค้นหรือการกระทำใหม่ ๆ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น
ส่วนเทคโนโลยีเป็นการนำเอาสิ่งต่างๆ
รวมทั้งวิธีการเข้ามาประยุกต์ใช้กับการทำงานหรือแก้ปัญหาให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
สถานศึกษาจึงควรส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนาการผลิต
การพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา รวมทั้งมีการติดตาม
ตรวจสอบและประเมินผลเพื่อให้เกิดการใช้ที่คุ้มค่า
เหมาะสมกับกระบวนการเรียนรู้ของคนไทย
ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารสนเทศ
การนำเทคโนโลยีสารนิเทศมาใช้กับสังคมสารนิเทศในปัจจุบันก่อให้เกิดการสื่อสารและการใช้ประโยชน์
จากสารนิเทศได้อย่างเต็มที่ และมีประสิทธิภาพ ประโยชน์ของเทคโนโลยีสารนิเทศมีดังต่อไปนี้ คือ
1. ช่วยให้ติดต่อสื่อสารระหว่างกันอย่างสะดวกรวดเร็ว
โดยใช้โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์หรือในรูปของ สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ
2. ช่วยในการจัดระบบข่าวสารจำนวนมหาศาล
ซึ่งผลิตออกมาในแต่ละวัน
3. ช่วยให้เก็บสารนิเทศไว้ในรูปที่สามารถเรียกใช้ได้ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างสะดวก
4. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสารนิเทศ เช่น
ช่วยนักวิทยาศาสตร์ วิศวกร ด้วยการช่วยคำนวณตัวเลขที่ยุ่งยาก
ซับซ้อนซึ่งไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ด้วยมือ
5. ช่วยให้สามารถจัดระบบอัตโนมัติเพื่อการเก็บ
เรียกใช้และประมวลผลสารนิเทศ
6. สามารถจำลองแบบระบบการวางแผนและทำนาย
เพื่อทดลองกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น
7. อำนวยความสะดวกในการเข้าถึงสารนิเทศดีกว่าสมัยก่อน
ทำให้ผู้ใช้สารนิเทศมี ทางเลือกที่ดีกว่า มีประสิทธิภาพกว่า
และสามารถแข่งขันกับผู้อื่นได้ดีกว่า
8. ลดอุปสรรคเกี่ยวกับเวลาและระยะทางระหว่างประเทศ
ความแตกต่างระหว่างนวัตกรรมและเทคโนโลยี
นวัตกรรมเป็นการวิจัยหาวัสดุ อุปกรณ์
และวิธีการใหม่ๆ
หรือปรับปรุงของเก่าให้ได้สิ่งที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมซึ่งเกิดจากแนวคิดและความรู้ใหม่ๆที่เกิดจากการคิดสร้างสรรค์ ส่วนเทคโนโลยีเกิดจากการนำนวัตกรรมมาพิสูจน์ตามขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์
ผลผลิตจากการพิสูจน์ได้ถูกนำมาใช้อย่างมีระบบเพื่อแก้ปัญหาต่างๆให้เกิดประสิทธิภาพ
เทคโนโลยีของระบบสารสนเทศในปัจจุบัน
ประกอบด้วย
-
ระบบประมวลผลข้อมูล (Data Processing System)
- ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร
(Management Information System)
-
ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Support System)
-
ระบบสารสนเทศเพื่อผู้บริหารระดับสูง (Executive Information
System)
-
ระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert Systems)
ผลกระทบจากเทคโนโลยีสารสนเทศ
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างแพร่หลายในปัจจุบันส่งผลให้เกิดผลกระทบที่ดีและที่ไม่ดีต่อการดำเนินชีวิตของผู้ใช้และบุคคลรอบข้างทั้งด้านคุณภาพชีวิต
ด้านสังคม และด้านการเรียนการสอน
1.ผลกระทบด้านบวกของเทคโนโลยีสารสนเทศ มีการพัฒนาใช้ระบบสื่อสารโทรคมนาคม
เพื่อติดต่อสื่อสารให้สะดวกขึ้น มีการประยุกต์มาใช้กับเครื่องอำนวยความสะดวกภายในบ้าน
นำมาควบคุมอุปกรณ์ต่างๆภายในบ้าน ตัวอย่างเช่น การดูโทรทัศน์แบบสั่งได้
ตู้เย็นสามารถตรวจเช็คได้ว่า ขณะนี้มีของอะไรอยู่ในตู้เย็นบ้าง การใช้กล้องวงจรปิด
การใช้ GPS นำทาง เป็นต้น
2.ผลกระทบในทางลบของเทคโนโลยีสารสนเทศ
มีดังนี้
2.1ทำให้เกิดอาชญากรรม
เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นหนทางในการก่ออาชญากรรมได้
โจรผู้ร้ายอาจใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการวางแผนปล้น วางแผนโจรกรรม
มีการลักลอบใช้ข้อมูลข่าวสาร มีการโจรกรรมหรือแก้ไขตัวเลขบัญชีด้วยคอมพิวเตอร์
2.2ทำให้ความสัมพันธ์ของมนุษย์เสื่อมถอย
การใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สื่อสาร
ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องเห็นตัว
การใช้งานคอมพิวเตอร์หรือแม้แต่การเล่นเกมมีลักษณะการใช้งานเพียงคนเดียว
ทำให้ความสัมพันธ์กับผู้อื่นลดลง ผลกระทบนี้ทำให้มีความเชื่อว่า มนุษย์สัมพันธ์ของบุคคลจะน้อยลง
สังคมใหม่จะเป็นสังคมที่ไม่ต้องพึ่งพากันมาก
2.3ทำให้มีการพัฒนาอาวุธที่มีอำนาจทำลายสูง
ประเทศที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยี
สามารถนำเทคโนโลยีมาช่วยในการสร้างอาวุธที่มีอานุภาพการทำลายสูง
ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดสงครามและมีการสูญเสียมากขึ้น
องค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้หากพิจารณาได้ใน
2 ลักษณะ คือ
1.องค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้
พิจารณาเชิงเทคโนโลยี จะประกอบด้วยเทคโนโลยี 2 สาขาหลัก คือ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
และเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม
-เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถจดจำข้อมูลต่าง
ๆ และปฏิบัติตามคำสั่งที่บอก เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งให้
คอมพิวเตอร์นั้นประกอบด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ ต่อเชื่อมกัน
-เทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคม ใช้ในการติดต่อ สื่อสาร รับ-ส่งข้อมูลจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่ง
เป็นการส่งของข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์หรือเครื่องมือที่อยู่ห่างไกลกัน
ซึ่งจะช่วยให้การเผยแพร่ข้อมูลหรือสารสนเทศไปยังผู้ใช้ในแหล่งต่าง ๆ
เป็นไปอย่างสะดวก รวดเร็ว ถูกต้อง ครบถ้วน และทันการณ์
2.องค์ประกอบของเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้
พิจารณาเชิงระบบจะพบว่าระบบสารสนเทศจะประกอบด้วยองค์ประกอบต่างที่จะนำพาให้ระบบสารสนเทศทำงานบรรลุเป้าหมายที่วางไว้
มี 5 ส่วนคือ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ข้อมูล บุคคลากร ระเบียบปฏิบัติการ
โดยมีรายละเอียดดังนี้
-ฮาร์ดแวร์ (Hardware) หมายถึงเครื่อง (ระบบ) คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ
-ซอฟต์แวร์ (Software) หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า โปรแกรมคอมพิวเตอร์
นับได้ว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญและจำเป็นมากในการควบคุมการทำงาน
การกำหนดคำสั่งให้ชิ้นส่วน อุปกรณ์หรือฮาร์ดแวร์ของเครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน
เพื่อประมวลผลข้อมูลให้ได้ผลลัพธ์ตามความต้องการ
-ข้อมูล (DATA) คือข้อมูลต่าง ๆ
ที่เรานำมาให้คอมพิวเตอร์ประมวลผลคำนวณ
หรือกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้กลายเป็นผลลัพธ์ที่เราต้องการ
ปัจจุบันเราถือกันว่าข้อมูลมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการใช้งานคอมพิวเตอร์
-บุคลากร (People) ก็คือ
กลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด
มีตั้งแต่ระดับผู้ใช้งานทั่วไป ผู้บริหารองค์กร หน่วยงาน ผู้พัฒนาและวิเคราะห์ระบบ
ผู้ควบคุมระบบ และนักเขียนโปรแกรม
ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นองค์ประกอบที่สำคัญในความสำเร็จของระบบสารสนเทศ
-ระเบียบปฏิบัติการหรือขั้นตอนการปฏิบัติงาน
(Procedure) เป็นระเบียบวิธีการเข้าถึงข้อมูลของเครื่อง
ข้อมูลส่วนรวม การใช้งานคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (ขั้นตอนการบันทึกข้อมูล
ขั้นตอนการประมวลผล ขั้นตอนปฏิบัติงานในแต่ละโปรแกรม) การใช้งาน (ข้อมูล) เครือข่าย
การดูแลรักษา การปฎิบัติตามกฎหมายว่าด้วย พรบ.คอมพิวเตอร์
ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องมีความรู้ ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้ทันต่อพัฒนาการความก้าวหน้าของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์
เป้าหมายของเทคโนโลยีการศึกษา
1. การ
ขยายพิสัยของทรัพยากรของการเรียนรู้ กล่าวคือ แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้
มิได้หมายถึงแต่เพียงตำรา ครู และอุปกรณ์การสอน ที่โรงเรียนมีอยู่เท่านั้น
แนวคิดทางเทคโนโลยีทางการศึกษา
ต้องการให้ผู้เรียนมีโอกาสเรียนจากแหล่งความรู้ที่กว้างขวางออกไปอีก แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ครอบคลุมถึงเรื่องต่างๆ
เช่น
1.1 คน
คนเป็นแหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ที่สำคัญซึ่งได้แก่ ครู และวิทยากรอื่น
ซึ่งอยู่นอกโรงเรียน เช่น เกษตรกร ตำรวจ บุรุษไปรษณีย์ เป็นต้น
1.2 วัสดุและเครื่องมือ ได้แก่
โสตทัศนวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ภาพยนตร์ วิทยุ โทรทัศน์ เครื่องวิดีโอเทป
ของจริงของจำลองสิ่งพิมพ์ รวมไปถึงการใช้สื่อมวลชนต่างๆ
1.3 เทคนิค-วิธีการ
แต่เดิมนั้นการเรียนการสอนส่วนมาก ใช้วิธีให้ครูเป็นคนบอกเนื้อหา
แก่ผู้เรียนปัจจุบันนั้น
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองได้มากที่สุด ครูเป็นเพียง ผู้วางแผนแนะแนวทางเท่านั้น
1.4 สถานที่ อันได้แก่ โรงเรียน
ห้องปฏิบัติการทดลอง โรงฝึกงาน ไร่นา ฟาร์ม ที่ทำการรัฐบาล ภูเขา แม่น้ำ ทะเล
หรือสถานที่ใด ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้เรียนได้
2. การ เน้นการเรียนรู้แบบเอกัตบุคคล
ถึงแม้นักเรียนจะล้นชั้น และกระจัดกระจาย
ยากแก่การจัดการศึกษาตามความแตกต่างระหว่างบุคคลได้
นักการศึกษาและนักจิตวิทยาได้พยายามคิด หาวิธีนำเอาระบบการเรียนแบบตัวต่อตัวมาใช้
แต่แทนที่จะใช้ครูสอนนักเรียนทีละคน เขาก็คิด ‘แบบเรียนโปรแกรม’ ซึ่ง ทำหน้าที่สอน
ซึ่งเหมือนกับครูมาสอน นักเรียนจะเรียนด้วยตนเอง
จากแบบเรียนด้วยตนเองในรูปแบบเรียนเป็นเล่ม หรือเครื่องสอนหรือสื่อประสมหลายๆ
อย่าง จะเรียนช้าหรือเร็วก็ทำได้ตามความสามารถของผู้เรียนแต่ละคน
3. การ ใช้วิธีวิเคราะห์ระบบในการศึกษา
การใช้วิธีระบบ ในการปฏิบัติหรือแก้ปัญหา เป็นวิธีการที่เป็นวิทยาศาสตร์
ที่เชื่อถือได้ว่าจะสามารถแก้ปัญหา หรือช่วยให้งานบรรลุเป้าหมายได้
เนื่องจากกระบวนการของวิธีระบบ เป็นการวิเคราะห์องค์ประกอบของงานหรือของระบบ
อย่างมีเหตุผล หาทางให้ส่วนต่าง ๆ ของระบบทำงาน
ประสานสัมพันธ์กันอย่างมีประสิทธิภาพ
4. พัฒนา เครื่องมือ-วัสดุอุปกรณ์ทางการศึกษา
วัสดุและเครื่องมือต่าง ๆ ที่ใช้ในการศึกษา
หรือการเรียนการสอนปัจจุบันจะต้องมีการพัฒนา ให้มีศักยภาพ
หรือขีดความสามารถในการทำงานให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก
บทสรุป นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศในอนาคต นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับการศึกษาในโลกของอนาคตนั้นจะมีรูปแบบห้องเรียนเสมียน
คือ ห้องเรียนไร้กำแพง อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
จำเป็นจะต้องใช้วัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศหลายอย่างบูรณา
จากการที่ได้เรียนรู้นวัตกรรมทางการศึกษา
ทั้งที่ยังคงมีใช้อยู่ บางอย่างเริ่มสูญหายไป และบางอย่างก็กำลังเกิดขึ้นมา
ตามพัฒนาการของเทคโนโลยีในทุกๆแขนง นวัตกรรมทางการศึกษาในแต่ละประเภท
ต่างมีจุดเด่น และข้อจำกัดอันเป็นผลจากเทคโนโลยี
แต่สิ่งที่อยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยีอันทันสมัยก็ไม่ใช่กระบวนการจัดการศึกษา ที่ดีที่สุดของการจัดการศึกษายังคงต้องพึ่งพานวัตกรรมในเชิงผสมผสาน
ปรับไปตามกลุ่มเป้าหมาย เปลี่ยนแปลงไปตามจุดประสงค์ของการศึกษา
บางครั้งอาจจะมีความสับสนในการใช้ความหมายระหว่างคำว่า
นวัตกรรม และ ประดิษฐ์กรรม ตัวอย่างเช่น หากท่านเป็นนักวิจัยและพัฒนาที่ทำงานอยู่ในห้องปฏิบัติการที่มีความเชี่ยวชาญ
มีความสามารถในการประดิษฐ์สิ่งต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
แต่ไม่สามารถนำความคิดเหล่านั้นไปใช้หรือประยุกต์ใช้ในโลกของความเป็นจริงได้ อนาคตกับการทำงานและการใช้ข้อมูลข่าวสาร
รูปแบบของการทำงานในอนาคตนั้นจะเน้นการทำงานบนพื้นฐานของการใช้ข้อมูล
สารสนเทศและความรู้ในการตัดสินใจในการทำงานและดำรงชีวิตประจำวัน
ดังนั้นจะต้องมีการเตรียมความพร้อมของตนเองเพื่อก้าวเข้าสู่อนาคตในโลกของการทำงานบนพื้นฐานของความเป็นจริง
หากเรามองภาพในอนาคตจะพบว่า โลกของอนาคตนั้นจะเป็นการรวมตัวของการสื่อสารทุกชนิดไว้เป็นหนึ่งเดียว
เช่น เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตรวมกับเทคโนโลยีของโทรศัพท์มือถือ
ซึ่งจะมีการเตรียมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) สำหรับการติดต่อสื่อสารด้วย Internet
Broadband ไว้เกือบทุกๆ
ที่ ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัย ห้องสมุด สถานที่ทำงาน รถไฟฟ้าใต้ดิน ห้างสรรพสินค้าเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงคลังข้อมูลขององค์กรได้ทุกที่ทุกเวลา
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้วัฒนธรรมในการทำงานของคนเปลี่ยนไป